ลดระดับ Bank RRR ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการลดเพิ่มอีกในเดือนหน้า
ส่งผลให้ภาคอสังหาฯ ที่กดดัน GDP จีนมาตั้งแต่ปี 2022 กว่า 4 แสนล้านหยวน เริ่มปรับตัวดีขึ้นแล้ว และเป็นสัญญาณเชิงบวกที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อการบริโภคในประเทศ
แก้พอร์ตหุ้นจีนอย่างไร เมื่อทั้ง A-Shares และ Hang Seng เกิด Golden Cross
Source: TradingView as of 21/05/2024
ตลาดหุ้นจีน Hang Seng Index มีสัญญาณ Golden Cross ที่ Time frame day หลังจากทำจุดต่ำสุดเมื่อปลายปี 2022 โดยลงไปกว่า 53% ก่อนจะฟื้นจากจุดต่ำสุด และปรับตัวเพิ่มขึ้นมา 35% ในช่วงปีนี้
FundTalk เชื่อว่าจากแรงกดดันภาคอสังหาฯ เริ่มผ่อนคลายแล้ว จากทิศทางเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัว และจากจุดนี้มองว่าหุ้นจีน A-Share จะวิ่งเร็วกว่า Hang Seng จากการกระตุ้นภาคอสังหาฯ และ Real Economy ที่กำลังเกิดขึ้น
ด้วยความใหญ่ของ Apollo ทำให้มีบริษัทเข้ามาขอกู้จำนวนมาก ทำให้ Apollo สามารถคัดบริษัทชั้นนำและมีคุณภาพได้ (อัตราการคัดเลือก 5 ใน 100) สะท้อนผ่านอัตราการผิดนัดชำระหนี้แค่ 0.1% ต่อปี ในช่วงกว่า 15 ปี
นอกจากนี้ Apollo ยังลงทุนในหลาย Sector โดยบริษัทที่ปล่อยกู้ให้สูงสุดคิดเป็นเพียง 2.9% ของพอร์ตโดยรวม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้การลงทุนของ Apollo มีความเสถียร
โดย Jet – The Contrarian คำแนะนำการลงทุนในรูปแบบ The Contrarian Investor เน้นกลยุทธ์การลงทุนที่หาสินทรัพย์ที่ถูกทิ้ง จนราคาปรับตัวลงลึกมากจนเกินไป แต่ศักยภาพการเติบโตยังดี ประกอบกับมีลมหนุนที่ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับตัวขึ้นได้ ทำให้มีโอกาสได้เข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ราคาถูก ตอนที่คนไม่เหลียวแล
1.) TISCOAI
กองทุนหุ้นโลกเทคโนโลยี AI & Big Data (ความเสี่ยงระดับ 6) ซึ่งจะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้าน AI และ Big Data ในตลาด Nasdaq โดยแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากคาดว่าหุ้นโลกสไตล์เติบโตจะกลับมา Outperform
กองทุนหุ้น Asia ex Japan (ความเสี่ยงระดับ 6) แนะนำ “ทยอยสะสม” พร้อมรับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคที่ฟื้นตัว และมีอัพไซด์จากดอลลาร์ใกล้อ่อนค่า เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียชัดเจนมากขึ้น
กองทุนหุ้นโลกเทคโนโลยี AI & Big Data (ความเสี่ยงระดับ 6) ซึ่งจะเข้าไปลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้าน AI และ Big Data ในตลาด Nasdaq โดยแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากคาดว่าหุ้นโลกสไตล์เติบโตจะกลับมา Outperform
กองทุนหุ้น Asia ex Japan (ความเสี่ยงระดับ 6) แนะนำ “ทยอยสะสม” พร้อมรับปัจจัยหนุนจากเศรษฐกิจของประเทศในภูมิภาคที่ฟื้นตัว และมีอัพไซด์จากดอลลาร์ใกล้อ่อนค่า เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดหุ้นเอเชียชัดเจนมากขึ้น
ราคา NAV ของ VanEck Semiconductor ETF (SMH) ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้าน Downtrend Line พร้อมเกิด Bullish Signal จาก MACD (MACD มากกว่า Signal Line และ MACD มากกว่าแกน 0) บ่งชี้ถึงโมเมนตัมเชิงบวก
รู้จัก Andrew Stotz อดีตนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของประเทศไทย
Andrew Stotz เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง A.Stotz Investment Research ทำงานด้านการลงทุนในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 1992 ในฐานะนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และอาจารย์มหาวิทยาลัย
โดยในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง Head of Research ที่ CLSA ได้รับการโหวตจากผลสำรวจของ Asiamoney Brokers ให้เป็นนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของประเทศไทยประจำปี 2008 และ 2009 รวมถึงได้รับการโหวตให้เป็นนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของเมืองไทยจากรายงานของ All-Asia Research Team ซึ่งจัดทำโดยนิตยสาร Institutional Investor เช่นกัน
สินทรัพย์ที่ A.Stotz All Weather Strategy ลงทุน
พอร์ต All Weather Strategy โดย Andrew Stotz อาจเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามแต่ละภาวะตลาด ดังนี้
*ผลงานของพอร์ต 60/40 คำนวนจาก NAV 60% ของ MSCI AC World & KKP PGE-H และ NAV 40% ของ SCBGLOB โดยจัดเป็นดัชนีชี้วัดของพอร์ตการลงทุนนี้
ผลตอบแทนของ A.Stotz All Weather Strategy เทียบกับพอร์ตการลงทุน 60/40 | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
A.Stotz All Weather Strategy มีความผันผวนต่ำกว่า เมื่อเทียบกับพอร์ตแบบ 60/40 | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
A.Stotz All Weather Strategy ปรับตัวลงน้อยกว่า พอร์ตการลงทุน 60/40 ในวันที่ตลาดแย่กว่า | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
A.Stotz All Weather Strategy ทำผลงานในแต่ละเดือนได้ดีกว่าถึง 60% เทียบกับพอร์ตแบบ 60/40 | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
ผลตอบแทนของ A.Stotz All Weather Strategy เทียบกับพอร์ตการลงทุน 60/40 ในทุกช่วงเวลา | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
หากลงทุนในหุ้นก็มีดัชนีอย่าง SET Index เป็นเครื่องมือช่วยสะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นไทย แต่ถ้าลงทุนใน “ตราสารหนี้” จะมีเครื่องมืออะไรที่สามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ได้?
บทความนี้ Finnomena จะพาคุณไปรู้จักกับ “Bond Index” หรือ “ดัชนีตราสารหนี้” ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์แนวโน้มและเลือกลงทุนตราสารหนี้ได้อย่างเหมาะสม มารู้จัก Bond Index ไปพร้อมกันได้เลย!
คือ ดัชนีวัดที่ใช้วัดความเคลื่อนไหวของพันธบัตรรัฐบาลโดยรวมทั้งหมด ปัจจุบันดัชนีพันธบัตรรัฐบาลที่ ThaiBMA เผยแพร่อยู่มี 2 ประเภท คือ ThaiBMA Government Bond Index และ ThaiBMA MTM Government Bond Index โดยแต่ละประเภทแบ่งเป็นกลุ่มย่อยอีก 5 กลุ่ม เพื่อความละเอียดที่มากขึ้น
3. ดัชนีพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (State Owned Enterprise Bond Index)
กล่าวโดยสรุป ดัชนีตราสารหนี้ หรือ Bond Index เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ช่วยให้นักลงทุนติดตามและคาดการณ์ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ภาพรวมได้ ทั้งพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหุ้นกู้เอกชน สามารถดู Bond Index แบบ Real-Time ได้ที่นี่