ราคา NAV ของ VanEck Semiconductor ETF (SMH) ปรับตัวขึ้นทะลุแนวต้าน Downtrend Line พร้อมเกิด Bullish Signal จาก MACD (MACD มากกว่า Signal Line และ MACD มากกว่าแกน 0) บ่งชี้ถึงโมเมนตัมเชิงบวก
รู้จัก Andrew Stotz อดีตนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของประเทศไทย
Andrew Stotz เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง A.Stotz Investment Research ทำงานด้านการลงทุนในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 1992 ในฐานะนักวิเคราะห์หลักทรัพย์และอาจารย์มหาวิทยาลัย
โดยในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง Head of Research ที่ CLSA ได้รับการโหวตจากผลสำรวจของ Asiamoney Brokers ให้เป็นนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของประเทศไทยประจำปี 2008 และ 2009 รวมถึงได้รับการโหวตให้เป็นนักวิเคราะห์อันดับหนึ่งของเมืองไทยจากรายงานของ All-Asia Research Team ซึ่งจัดทำโดยนิตยสาร Institutional Investor เช่นกัน
สินทรัพย์ที่ A.Stotz All Weather Strategy ลงทุน
พอร์ต All Weather Strategy โดย Andrew Stotz อาจเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามแต่ละภาวะตลาด ดังนี้
*ผลงานของพอร์ต 60/40 คำนวนจาก NAV 60% ของ MSCI AC World & KKP PGE-H และ NAV 40% ของ SCBGLOB โดยจัดเป็นดัชนีชี้วัดของพอร์ตการลงทุนนี้
ผลตอบแทนของ A.Stotz All Weather Strategy เทียบกับพอร์ตการลงทุน 60/40 | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
A.Stotz All Weather Strategy มีความผันผวนต่ำกว่า เมื่อเทียบกับพอร์ตแบบ 60/40 | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
A.Stotz All Weather Strategy ปรับตัวลงน้อยกว่า พอร์ตการลงทุน 60/40 ในวันที่ตลาดแย่กว่า | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
A.Stotz All Weather Strategy ทำผลงานในแต่ละเดือนได้ดีกว่าถึง 60% เทียบกับพอร์ตแบบ 60/40 | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
ผลตอบแทนของ A.Stotz All Weather Strategy เทียบกับพอร์ตการลงทุน 60/40 ในทุกช่วงเวลา | Source: A. Stotz All Weather Strategy Presentation as of 3/5/2024 ผลตอบแทนในอดีต ไม่ได้เป็นการการันตีผลตอบแทนในอนาคต
หากลงทุนในหุ้นก็มีดัชนีอย่าง SET Index เป็นเครื่องมือช่วยสะท้อนภาพรวมของตลาดหุ้นไทย แต่ถ้าลงทุนใน “ตราสารหนี้” จะมีเครื่องมืออะไรที่สามารถสะท้อนภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ได้?
บทความนี้ Finnomena จะพาคุณไปรู้จักกับ “Bond Index” หรือ “ดัชนีตราสารหนี้” ซึ่งเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะช่วยให้คุณวิเคราะห์แนวโน้มและเลือกลงทุนตราสารหนี้ได้อย่างเหมาะสม มารู้จัก Bond Index ไปพร้อมกันได้เลย!
คือ ดัชนีวัดที่ใช้วัดความเคลื่อนไหวของพันธบัตรรัฐบาลโดยรวมทั้งหมด ปัจจุบันดัชนีพันธบัตรรัฐบาลที่ ThaiBMA เผยแพร่อยู่มี 2 ประเภท คือ ThaiBMA Government Bond Index และ ThaiBMA MTM Government Bond Index โดยแต่ละประเภทแบ่งเป็นกลุ่มย่อยอีก 5 กลุ่ม เพื่อความละเอียดที่มากขึ้น
3. ดัชนีพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ (State Owned Enterprise Bond Index)
กล่าวโดยสรุป ดัชนีตราสารหนี้ หรือ Bond Index เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับนักลงทุนในตลาดตราสารหนี้ ช่วยให้นักลงทุนติดตามและคาดการณ์ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยและแนวโน้มตลาดตราสารหนี้ภาพรวมได้ ทั้งพันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรรัฐวิสาหกิจ และหุ้นกู้เอกชน สามารถดู Bond Index แบบ Real-Time ได้ที่นี่
ดู Fund Fact Sheet กองทุนที่เพิ่มน้ำหนัก/ปรับเข้า TISCOCH
Portfolio Action
ปรับลดน้ำหนัก TISCO Global Income Plus TGINC-A โดยเรายังมีมุมมองบวกต่อกองทุน แต่เนื่องจากกองทุนดังกล่าว เน้นกลยุทธ์การลงทุนในหลายกองทุน (Fund of Fund) ซึ่งกระจายการลงทุนไปยัง ตราสารหนี้, ตราสารทุน และ REITs เพื่อให้ง่ายต่อนักลงทุนในการติดตามราคาในรายสินทรัพย์ จึงกระจายสัดส่วนดังกล่าวไปยังกองทุน ดังนี้
TISCO Global Bond TGBOND-A – กองทุนตราสารหนี้เอกชนทั่วโลก
TISCO Global Quality TGQUALITY-A – กองทุนตราสารทุนทั่วโลก
สำหรับช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา TISCO Global Income Plus TGINC-A เป็นตัวฉุด รองลงมา คือ TISCO Global REITs TGREIT จากผลของ yield พันธบัตรทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม NAV ของ iShares MSCI China ETF (MCHI) (ซึ่งใช้อ้างอิงคำแนะนำ) ปรับตัวขึ้นเหนือระดับ $45.3 ซึ่งเป็นระดับ Take Profit ที่เคยให้ไว้ Mr. Messenger จึงแนะนำ Take Profit กองทุน B-CHINE-EQ และ K-CHINA-A(A)เพื่อล็อกกำไร สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนตามคำแนะนำ Mr. Messenger Call
ขั้นตอนการขายจะมีความซับซ้อนกว่าตอนซื้อ เพราะมีเรื่องเงื่อนไขระยะเวลาในการถือ และหลักการ FIFO (First in First out: ซื้อตัวไหนก่อน ตัวนั้นจะถูกขายออกไปก่อน)